ทำงานเงินเดือนชนเดือน พอได้รับเงินเดือนมา เงินก็ออกจากกระเป๋าไปอย่างรวดเร็ว แล้วแบบนี้เมื่อไรจะมีเงินเก็บ มีบ้านกับเขาเสียที อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอย่างเปล่าประโยชน์แบบนั้นเลยครับ มาหาทางเก็บเงิน ออมเงิน ลงทุน ซื้อบ้านกับดีกว่า อยากมีบ้าน มีเงินเก็บหลักล้านก่อน 30 ต้องทำยังไง ติดตามกันเลย
อย่างแรกเลย “คำนวณรายรับทั้งหมดที่เราทำมาหาได้”
ก่อนที่เราจะวางแผนอะไรก็ตาม เราต้องรู้ตัวก่อนว่าเรามีทรัพยากรอะไรอยู่ในกำมือเราบ้าง และเราจะทำให้ทรัพยากรเหล่านั้นงอกเงย งอกงามได้อย่างไร อันดับแรกก็ต้องลองคำนวณรายรับทั้งหมดที่เราทำมาหาได้ คำว่า “รายรับทั้งหมดที่เราทำมาหาได้” นั่นหมายถึงรายรับรายปี รายห้าปี รายสิบปี มีเงินล้าน
ยกตัวอย่างเช่น เราเริ่มต้นทำงานตั้งแต่อายุ 20 ปี และอยากมีเงินล้านตอนอายุ 30 ปี หมายความว่าเรามีเวลาเก็บเงินถึง 10 ปี เพื่อให้ได้ 1 ล้านบาทแรก ถ้าลองทอนออกมาเป็นรายปีเท่ากับเราต้องเก็บเงินปีละ 1 แสนบาทจึงจะมีเงินล้านแรกได้เป็นผลสำเร็จ
เมื่อเรารู้แบบนี้ก็ลองคำนวณจากรายรับของเราดู ถ้าเรามีเงินเดือนเดือนละ 20,000 บาท อยากเก็บเงินให้ได้หลักแสนต่อปี หมายความว่าเราต้องเก็บเงินให้ได้อย่างน้อย 100,000 / 12 = 8,333 บาทต่อเดือน ถ้าหักจากเงินเดือนของเรามาเก็บสะสมเอาไว้ก่อน ที่เหลือค่อยเอาไปใช้จ่าย โอกาสที่เราจะมีเงินล้านก็ไม่อยากอย่างที่คิดไว้ตอนต้น และอย่าลืมว่าเงินเดือนของเราอาจเพิ่มขึ้นทุกปี ถ้าอยากถึงเป้าหมายเร็วขึ้นก็เก็บให้มากขึ้น
ประการต่อมา “นำเงินเก็บไปปลูกให้มันงอก”
คำว่า “ปลูกเงินให้งอกเงย” ผมเขียนขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัว เอาประสบการณ์ตรงของผมเลย ผมจะเก็บเงินไว้ในกองทุนรวม เก็บไว้กับคอนโดปล่อยเช่า และซื้อหุ้นเก็บไว้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งอันอุดมสมบูรณ์สำหรับเงินที่จะงอกเงยขึ้นมาได้ไม่ยาก มีเงินล้าน
กองทุนรวมที่ผมซื้อไว้เมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนนั้น 11 บาทกว่าต่อหน่วย มาบัดเดี๋ยวนี้มันงอกขึ้นมาเป็น 29 บาทกว่าต่อหน่วย คอนโดที่ปล่อยเช่าเคยซื้อไว้ยูนิตละไม่ถึงล้าน (ที่สำคัญเราไม่ได้ซื้อสด เป็นหลักการใช้เงินน้อยซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาสูง) มาบัดเดี๋ยวนี้ราคาเกินล้านบาทต่อยูนิต หุ้นที่ผมซื้อไว้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ซื้อทิ้งไว้เกินห้าปี ราคาขึ้นไปเกินเท่าตัว!
ย่อหน้าข้างต้นคงอธิบายได้อย่างดีถึงคำว่า “ปลูกเงินให้งอกเงย” เมื่อผมเก็บออม นำเงินไปลงทุนได้เกินสิบปี มันทำให้ผมมีเงินเก็บไปไกลกว่าเงินล้านแรกมากมาย มันคือสิ่งมหัศจรรย์แห่งการ “ทบต้น” มาบัดเดี๋ยวนี้ตัวผู้เขียนเองก็สามารถทำเงินให้งอกได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน เนื่องจากเราชำนาญขึ้นนั่นเอง
ประการสุดท้าย “หมั่นมองหาวิธีทำเงินให้งอกเงยแบบใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ”
สิ่งนี้หมายถึงเราต้องหมั่นศึกษาหาความรู้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน หรือสำหรับคนที่จะเริ่มต้นซื้อบ้านเป็นของตัวเองก็ต้องเริ่มมองหาบ้านทำเลดีๆ ได้แล้ว มองไปก่อนไม่เสียเงิน ไม่ต้องรอให้ถึงเวลาใกล้ๆ แล้วค่อยเข้าไปศึกษา เพราะการทำอะไรที่ชุกละหุก มักจะไม่ดี ใครที่อยากมีบ้าน เริ่มคิดได้แล้ว มีเงินล้าน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องระวังก็คือ “ความคิดที่จะรวยทางลัด”ความคิดนี้เป็นยาพิษ เพราะมันจะดึงดูดเราเข้าสู่วังวนที่ไม่ดี เช่น แชร์ลูกโซ่ หรือโดนหลอกลวงเอาง่ายๆ ไม่มีทางลัดหรอกครับ สิ่งที่แน่นอนที่สุดสำหรับคนที่จะประสบความสำเร็จเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็คือ ต้องทำมาหากินแบบสุจริต และขยัน ขยัน และขยัน เท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จ มีล้านแรกเป็นของตัวเองก่อน 30 ซะที! มีเงินล้าน
คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน First Jobber หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เริ่มทำธุรกิจในวัย 20 ต้นๆ ส่วนใหญ่ก็จะตั้งเป้าหมายว่า อายุ 30 ขอมีเงินเก็บสัก 1 ล้านบาท ก็โอเคแล้ว โดยในความเป็นจริง มีโอกาสสูงมากที่คุณจะมีเกิน 1 ล้าน และก็มีโอกาสสูงมากที่คุณอาจมีไม่ถึง 1 ล้านเช่นกัน อยู่ที่หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการออม การลงทุน รวมไปถึงวิศัยทัศน์ Mindset และนิสัยส่วนตัวของคุณเองด้วย ซึ่งบทความนี้เราจะมีพูดกันเรื่อง Mindset ที่จะช่วยให้คุณ มีเงินล้าน ก่อนอายุ 30
สำหรับคนที่ทำธุรกิจ การมีเงินล้านก่อนอายุ 30 ปี ในที่นี้เราหมายถึงเงินเก็บส่วนตัว ไม่ใช่ยอดขายจากธุรกิจ เพราะในเชิงธุรกิจ และบัญชีแล้ว เงินยอดขายนั้นยังไม่ได้เป็นของคุณ ต้องเอามาหักค่าใช้จ่ายจนเหลือเป็นกำไรสุทธิ จึงจะสามารถแบ่งออกมาเป็นปันผลของเจ้าของกิจการ หรือออกมาเป็นเงินเดือนของตัวเอง ซึ่งอย่าลืมว่าในช่วงแรกของการทำธุรกิจ คุณต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็น Cash Flow และเงินสำหรับการลงทุนด้วย
สำหรับพนักงานประจำ คุณอาจจะหาโอกาสที่เงินเดือนพุงขึ้น 50%+ ไม่ง่ายนัก แต่ก็อาจเป็นไปได้สัก 1-2 ครั้งในช่วงก่อน 30 ปี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสายงาน และความสามารถจริงๆ สิ่งสำคัญคือการวางแผนตั้งแต่วันนี้ เช่น ถ้าเก็บเดือนละ 10,000 บาทตลอด จน อายุ 30 เงินเก็บ จะมีเงินล้านได้ไหม.. หากไม่ได้ อาจต้องศึกษาเพิ่มเติม ว่ามีการลงทุน หรือการออมแบบไหนบ้างไหม ที่จะช่วยให้เงินก้อนนี้เติบโตขึ้น จนสามารถมี 1 ล้านบาทได้ก่อน 30 ปี
อย่างไรก็ตาม เราจะยังไม่พูดถึงการบริการจัดการเงินในบทความนี้ เพราะเราจะมาโฟกัสในสิ่งที่สำคัญกว่านั้น นั่นก็คือ Mindset ของคุณ
5 Mindset ที่ช่วยให้คุณมีเงินล้านก่อนอายุ 30
หลายคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น Jack Ma, Steve Jobs หรือ Warren Buffett หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญนอกเหนือจากความรู้ และความเชี่ยวชาญ ก็คือ ทัศนคติ และ Mindset ที่ส่งผลบวกต่อการลงทุน การทำงาน และการตัดสินใจ
1. คิดบวกถึงแม้คุณกำลังเจอเรื่องลบๆ
การคิดบวกไม่ได้หมาความว่าคุณต้องเป็นคนโลกสวย แต่มันคือการโฟกัสไปยังเป้าหมายที่ไกลกว่านั้น เพราะหากคุณเจอปัญหาแล้วมานั่งคิดลบ เครียดเกินไปกับสิ่งๆ นั้น มันจะทำให้คุณคิดอะไรต่อไม่ออก และหลุดโฟกัสเป้าหมายใหญ่ที่ไกลกว่านั้นได้ รวมถึงจะทำให้คุณมองไม่เห็นโอกาสอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว
ยกตัวอย่างง่ายๆ ตอนเกิดการระบาดโควิดในประเทศไทย ตลาดหุ้นร่วงลงเยอะมาก ใน Portfolio ของหลายคนก็คงเป็นสีแดงไม่ต่างกัน หากคุณคิดลบ คุณจะมองว่านี่คือความล้มเหลวในการลงทุนของคุณที่ไม่ได้ตัดสินใจขายออกไปก่อนหน้านี้ แต่หากคุณคิดบวก คุณจะมองเห็นโอกาสในการซื้อหุ้นดีราคาถูกเต็มไปหมด
มีคำหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษคือ See the best in every situation หมายความว่า ให้มองหาสิ่งที่ดีที่สุดในทุกๆ สถานการณ์ ซึ่งคุณจะไม่สามารถเจอสิ่งที่ดีที่สุด หากคุณยังมี Mindset ที่เป็นลบต่อสถานการณ์นั้นๆ
2. มี Passion ในสิ่งที่คุณทำ
Passion จะช่วยต่อยอด และพาคุณไปในที่ๆ คุณไม่เคยไป หรือไม่คิดว่าจะไปถึง เช่น หากคุณไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนในสิ่งๆ หนึ่ง แต่คุณมี Passion มากในการที่จะลงทุนในสิ่งนั้น.. Passion จะเป็นตัวพาคุณเข้าไปศึกษา และคลุกคลีจนคุณเริ่มมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้นเอง
ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานประจำหรือทำธุรกิจ การทำงานบางเดือนมันอาจจะมีบ้างแหละที่เหนื่อยมาก หรือทำงานดึกจนไม่ค่อยจะได้นอน ยิ่งหากทำธุรกิจ บางเดือนทำงานเกือบตายกลับไม่มีกำไรด้วยซ้ำ ถ้า Passion ไม่พอ ก็อาจจะล้มเลิกไปได้ง่ายๆ หรือก็อาจะดำเนินการต่อ ทำงานนั้นต่อ แต่ทำไปวันๆ ซึ่งก็จะไม่มีการเติบโต เงินเดือนก็ไม่ขึ้น รายได้ก็ไม่เพิ่ม การที่จะไปถึงหลักล้านก่อน 30 ก็อาจจะยาก
ซึ่งหากคุณต้องการเติบโตในสายงานอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะเพิ่มรายได้ไปยังเงินเก็บหลักล้าน คุณต้องมี Passion พอสมควร เพราะมันจะทำให้คุณโดดเด่นกว่าอีกหลายๆ ที่ไม่มี Passion ในการทำงาน
3. หยุดใส่ใจความคิดเห็นคนอื่นบ้าง
หลายคนกลัวว่าถ้าทำแบบนี้ แล้วคนอื่นจะมองเราแบบไหน.. ขอบอกเลยว่าต้องหยุดใส่ใจเรื่องนี้บ้าง หากคุณมั่นใจว่าสิ่งที่จะทำมันดี ไม่ส่งผลเสียกับใคร ศึกษาดีแล้ว เป็นสิ่งที่รักและมี Passion มากพอ ก็ไม่ต้องไปใส่ใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง จะมองยังไง ให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ดีที่สุด
บางคนทำงานประจำ เข้าออฟฟิศ แต่งตัวดี อยากลาออกมาขายขนมแต่กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเป็นแม่ค้า แต่งตัวไม่เท่ แบบนี้ก็คงไม่ได้เริ่มสักทีทั้งๆ ที่มันอาจจะไปได้สวย และสร้างรายได้มากกว่าก็ได้
หรือหากคุณกำลังจะลงทุนซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่าในย่านๆ หนึ่ง ซึ่งคนรอบตัวบอกว่าไม่น่าลงทุน แต่คุณในฐานะที่คุ้นเคยกับย่านนั้นเป็นอย่างดี และเห็นอนาคตว่ามันน่าจะดีต่อการลงทุน ก็อาจลองเก็บคำแนะนำของคนเหล่านั้นมาพิจารณาควบคู่กับสิ่งที่ตัวเองได้ศึกษา และสุดท้ายให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง จากข้อมูลที่ตัวเองได้ศึกษาดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังเสมอไป เบื้องต้นอาจลองทำธุรกิจพร้อมงานประจำก็ได้เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งหากเราคิดของเราดีแล้ว ก็ไม่ต้องเครียด และไม่ต้องโทษคนอื่น หรือโทษตัวเอง ให้กลับไปอ่านข้อ 1 ใหม่ และมองหา The best in that situation
4. มองเป้าหมายในระยะยาว และค่อยๆ เดินทีละขั้น
ถ้าคุณอยากมีเงินล้านก่อนอายุ 30 ปี วันนี้คุณต้องเริ่มคำนวนล่วงหน้าแล้วว่า หากคุณทำงานที่ทำอยู่ เก็บเงินในจำนวนที่เก็บอยู่ ลงทุนในสิ่งที่กำลังลงทุนอยู่ เป็นแบบนี้ไปจนอายุ 30 ปี จะสามารถไปถึงหลักล้าน หรือตัวเลขที่ต้องการได้ไหม
หากไม่ได้ ต้องเริ่มมองเป็นกลยุทธ์มากขึ้นว่าคุณจะสามารถไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร เช่น หากคุณเป็นพนักงานประจำ อาจต้องตั้งเป้าแล้วว่า 25 ปีต้องเงินเดือนเท่านี้ 28 ปี ต้องเงินเดือนเท่านี้ และอาจต้องเริ่มวางแผนการเติบโตในสายงาน หรือการเปลี่ยนที่ทำงานเพื่อเพิ่มฐานเงินเดือนใน % ที่สูงขึ้น
หากคุณทำธุรกิจ ก็ต้องดูว่าตลาดที่คุณทำอยู่ตอนนี้สร้างรายได้แค่ไหน หากคำนวนแล้ว ยอดขายต้องโตขึ้นปีละ 20% จึงจะมีเงินเก็บหลักล้านได้ คุณก็ต้องไปคิดต่อว่า จะต้องทำการตลาดอย่างไร จึงจะโตขึ้นปีละ 20% ได้ หรือจะต้องออก Product Line ใหม่ ต้องเปิดตลาดใหม่หรือเปล่า โดยเราแนะนำให้ทำ Market Analysis เพื่อวิเคราะห์ตลาดให้ชุดเจนยิ่งขึ้น
การมองเป้าหมายเป็น Goal ในระยะยาว และซอยย่อยออกมาทีละ Step จะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง และตอนนี้คุณกำลังอยู่ในจุดไหน ใกล้ หรือไกลเป้าหมายมากเท่าไหร่ การตั้งเป้าหมายเดือนต่อเดือน หรือปีต่อปี ถือว่าสั้นเกินไป สำหรับ อายุ 30 ปี อยากมีเงินเก็บหลักล้าน แต่ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ก็พออนุโลมได้ เพราะเราแทบไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกินขึ้นบางใน 2-3 เดือนข้างหน้า
5. รู้จักแบ่งงาน ไม่แบกทุกอย่างอยู่คนเดียว
ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หรือเจ้าของกิจการ การทำงานเป็นทีมคืออีกหนึ่ง Key สำคัญ เพราะหากคุณแบกทุกอย่างอยู่คนเดียว ยากมากที่จะเพิ่ม Productivity ของงาน
(แนะนำให้อ่านต่อเกี่ยวกับการเริ่มต้นเป็นผู้ประกอบการ > Entrepreneur คือ)
ในวันที่คุณเป็นหัวหน้างาน ผู้จัดการ หรือผู้บริหาร ก็จะต้องรู้จัก Delegate หรือแบ่งงานออกไปให้คนอื่นทำ โดยสิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้จักที่จะไว้ใจทีมงาน และปล่อยให้ทีมงานได้ลองทำดูเอง โดยที่คุณ Monitor อยู่ห่างๆ ว่าสามารถทำได้ไหม ต้องการให้ช่วยอะไรหรือเปล่า
การที่จะทำธุรกิจ หรือทำงานให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีทีมที่ดี ต้องรู้จักสร้างคน สร้างทีม ที่สามารถเข้ามาช่วยดูแลส่วนอื่นๆ เพื่อให้คุณได้ไปโฟกัสในสิ่งที่สำคัญกว่า
เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินประโยคนี้ แต่ประเด็นที่ตามมาก็คือ แล้วจะทำยังไงให้มีเงินล้าน เพราะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานจะมีได้ยังไง หรือการที่บอกว่ามีเงินล้านก่อนอายุ 30 จะเป็นแค่ความฝันลมแล้งๆ เท่านั้น
แต่เราเชื่อว่าทุกคนมีความฉลาดใช้เงินอยู่แล้ว โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนหลายๆ คนก็คงมีความฝันอยากสัมผัสเงินล้านที่สร้างด้วยตัวเองไม่ต่างกัน เราเชื่อว่าทุกคนทำได้ เพียงแต่ขาดคนแนะนำวิธีคิดแค่นั้นเอง งั้นเราลองมาสร้างเงินล้านด้วยวิธีที่ใครๆ ก็ทำได้ถ้าตั้งใจและฉลาดใช้เงินเป็นกันครับ
ฉลาดใช้เงินเป็นง่ายๆ ด้วยการหัดทำบัญชี
หลายคนเห็นคำว่า ‘บัญชี’ ก็แทบร้องไห้ เพราะเกลียดตัวเลขเข้าเส้น แต่เราอยากบอกว่าการทำบัญชีไม่ยากอย่างที่คิด อยากรู้ใช่ไหมว่าวิธีจัดการบัญชีทำอย่างไร ลองไปดูสูตรสมการง่ายๆ กันครับ
“รายได้ – เงินออม = รายจ่าย”
นี่คือสูตรสมการที่ง่ายและไม่ซับซ้อน แถมจะทำให้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรามีเงินเดือน 20,000 บาทต่อเดือน แล้วบันทึกรายรับรายจ่ายทุกวันจนถึงสิ้นเดือน พอลองมาสรุปว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เราก็จะรู้ว่าไลฟ์สไตล์โดยรวมเป็นยังไง ช้อปปิ้งหนักเกินไปไหม ซื้อรองเท้ากี่คู่ กินบุฟเฟ่ต์ไปกี่มื้อ หรือดื่มสตาร์บัคส์ไปกี่ครั้ง
พอรู้แล้วว่ามีค่าใช้จ่ายจำเป็น (Fix Cost) และมีค่าใช้จ่ายด้านเอนเตอร์เทนอะไรบ้าง ก็จำเป็นต้องบริหารจัดการแบ่งเป็นส่วนๆ ด้วยการใช้สมการด้านบนมาใช้ครับ โดยสมมติหักออมเงินเดือน 20% ก็จะเป็น
20,000 (รายได้) – 4,000 (เงินออม) = 16,000 (รายจ่าย)
เมื่อทำตามสูตรนี้แล้ว ก็พยายามปรับใช้ชีวิตกับค่าใช้จ่ายให้อยู่ภายใน 16,000 บาทต่อเดือน แล้วก็สะสมเงินออม 4,000 บาท ให้ได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าทำได้ตลอดทั้งปีจะทำให้เรามีเงินออมเกือบครึ่งแสนอยู่ในบัญชีเลยทีเดียว เห็นไหมว่าไม่ยากเลย แค่อาศัยความตั้งใจกับความมีวินัย ก็ทำให้เรามีเงินก้อนได้แล้ว แต่ภารกิจของเรายังคงอยู่ นั่นคือ มีเงินล้านก่อน 30 ซึ่งนี่เป็นเพียงวิธีฉลาดใช้เงินเพียงสเตปแรกด้วยการทำบัญชีเพื่อการออมครับ ส่วนวิธีต่อไปที่อยากนำเสนอก็คือ
ล้านแรกก่อน 30 ทำได้แน่ถ้าขยันหารายได้เสริม
การหารายได้เสริม คือหมัดเด็ดในการน็อกเป้าหมายอย่างล้านแรกได้ แต่คำถามคือแล้วเราจะหารายได้เสริมยังไงกันเล่า เพราะไอ้สิ่งที่เราทำงานอยู่ก็เหนื่อยแทบตาย อยากบอกว่าใจเย็นๆ ก่อนนะทุกคน เพราะเดี๋ยวนี้ต้องยอมรับว่ามีงานเสริมมากมายที่เปิดโอกาสให้เราสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการขายของทางออนไลน์ การรับจ้างเขียนบทความรีวิว หรือการขายภาพถ่ายในเว็บไซต์อย่าง Shutterstock ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ระดับหลักร้อยไปจนถึงหลักพันทีเดียว
แม้รายได้ในช่วงแรกอาจจะยังเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ความชำนาญจากประสบการณ์ของงานเสริมนี่แหละที่จะทำให้มูลค่าในการรับจ้างงานต่อๆ ไปสูงขึ้นไปด้วย ทั้งจากผลงานที่ดีและความไว้เนื้อเชื่อใจจากการบอกต่อของลูกค้าที่เคยใช้บริการ นี่คือมูลค่าของการสร้างรายได้เสริมที่จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนมีเงินก้อนใหญ่ในชีวิตครับ ซึ่งเราควรบริหารให้เงินก้อนก้อนนั้นเติบโตไปตามระยะเวลาที่ผ่านไปอย่างคุ้มค่า นี่เป็นเหตุให้เราต้องหันมาศึกษาแนวคิดการลงทุนนั่นเองครับ
เพิ่มโอกาสแตะเงินล้านด้วยแนวคิดการลงทุน
แนวคิดการลงทุนมีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นลงทุนในธนาคารด้วยการฝากเงินเพื่อหวังดอกเบี้ย ทว่าปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1 – 2% จึงอาจไม่เพียงพอต่อการตอบรับเป้าหมายเงินล้านได้ครับ การลงทุนในตลาดหุ้นจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุน แต่ก็มีความเสี่ยงพอสมควร ทางที่ดีควรศึกษาหาความรู้มาก่อนที่จะลงทุนจะดีกว่า
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางเลือกจึงตกไปอยู่ที่การลงทุนในกองทุน ซึ่งจุดเด่นของกองทุนคือมีผู้จัดการกองทุนดูแลเงินลงทุนให้ แต่ก็ควรศึกษาข้อดีและข้อเสีย รวมถึงผลการดำเนินงานของกองทุนที่คิดจะเข้าไปลงทุนด้วย ด้านอัตราผลตอบแทนต่อปีของกองทุนโดยเฉลี่ยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 8 – 12 % ซึ่งหากอยากมีเงิน 1 ล้านบาทก่อนอายุ 30 ก็มีความเป็นไปได้ตามตัวอย่างต่อไปนี้ครับ
ถ้าตอนนี้เราอายุ 22 ปี มีเงินเดือน 20,000 บาท ลองหักออมออกไปทุกเดือน 20% เราจะมีเงินจากการออมต่อปีถึง 48,000 บาท (4,000 x 12) และยังสามารถหารายได้เสริมจากงานต่างๆ ต่อเดือนได้ 6,000 บาท รวมกับเงินออมจากเงินเดือนจะได้ 10,000 บาทต่อเดือน และตลอดทั้งปีจะมีเงินออม 120,000 บาทเป็นอย่างน้อย
ถ้านำเงิน 120,000 บาทไปลงทุนในกองทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 8% จะได้อยู่ที่ 129,600 และลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่าเดิมทบไปเรื่อยๆ พร้อมกับอัตราผลตอบแทนที่ 8% ไปเรื่อยๆ เราจะมีเงินหลักล้านในช่วงอายุปีที่ 28 และ 29 โดยทันทีครับ
เห็นไหมว่าความฝันถึงการมีเงินล้านแรกก่อนอายุ 30 ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ขอแค่มีหลักฉลาดใช้เงินเป็นที่ถูกต้องและถูกทาง ผสมกับหารายได้เสริม และนำเงินที่ได้เหล่านั้นไปลงทุนภายใต้ความรู้และความเข้าใจพร้อมกับผลตอบแทนที่ต่อเนื่องในระยะยาวที่หวังผลไว้ ก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้เช่นกัน
ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มต้นเสียแต่วันนี้เลยครับ
อื่นๆ : เกมออนไลน์ได้เงินจริง
ที่มา : KRUNGSRI